ค่านิยมพื้นฐานของวายแวม

THE STATEMENT OF PURPOSE, CORE BELIEFS AND FOUNDATIONAL VALUES OF YOUTH WITH A MISSION

เอกสารฉบับนี้ได้นำเสนอจุดประสงค์ หลักการความเชื่อ ค่านิยมพื้นฐานและแนวทางปฏิบัติที่วายแวมเองได้ยึดถือด้วยใจจริง โดยได้รวบรวมไว้เพื่อตอบสนองต่อการทรงนำอย่างเฉพาะเจาะจงของพระเจ้ามาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1960 ที่วายแวมก่อตั้งขึ้น พระเจ้าทรงย้ำให้เราเขียนเอกสารฉบับนี้ขึ้นเพื่อที่จะส่งต่อกับคนรุ่นต่อๆ ไป เพราะจุดประสงค์ หลักการความเชื่อ และค่านิยมที่เรามีร่วมกันในวายแวมเป็นหลักการชี้นำต่อการเติบโตของพันธกิจที่มีมาในอดีตและที่จะมีในอนาคต บางหลักการเป็นสิ่งที่คริสเตียนทุกที่ได้ถือปฏิบัติอยู่แล้ว บางหลักการถือเป็นจุดเด่นขององค์กรวายแวม การผสมผสานระหว่างจุดประสงค์ หลักความเชื่อ ค่านิยม และการปฏิบัติเหล่านี้ทำให้เกิดเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของครอบครัววายแวม หรือที่เรียกกันว่า ดีเอ็นเอ อันเป็น กรอบที่เรายึดถือสูงสุดเพราะจะช่วยกำหนดว่า เราเป็นใคร เราจะมีวิถีชีวิตอย่างไร และเราจะตัดสินใจอย่างไร บุคคลที่จะกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของวายแวมได้ก็ต้องสำเร็จการอบรมจากโรงเรียนสร้างสาวกของวายแวม และเป็นผู้ที่ยอมรับคำแถลงจุดประสงค์ หลักการความเชื่อ ค่านิยมพื้นฐาน คำเผยที่เป็นมรดกตกทอดและพันธสัญญาเหล่านี้ของเรา กรุณาทำสำเนาและแจกเอกสารฉบับนี้ให้ครบทุกหน้า Please copy and share this document in its entirety as presented here.


คำแถลงจุดประสงค์ของวายแวม

Youth With A Mission (YWAM) is an international movement of Christians from many denominations dedicated to presenting Jesus personally to this and future generations, to mobilizing as many as possible to help in this task, and to the training and equipping of believers for their part in fulfilling the Great Commission. As citizens of God’s kingdom, we are called to love, worship, and obey our Lord, to love and serve His body, the Church, to love all peoples everywhere, which includes presenting the whole Gospel for the whole person throughout the whole world.

We of Youth With A Mission believe in God – Father, Son and Holy Spirit – and that the Bible is God’s inspired and authoritative Word, revealing that Jesus Christ is God’s son; fully God and fully human; that people are created in God’s image; that He created us to have eternal life through Jesus Christ; that although all people have sinned and come short of God’s glory, God has made salvation possible through the incarnation, life, death, resurrection and ascension of Jesus Christ; that repentance, faith, love and obedience are fitting responses to God’s initiative of grace toward us through the active ministry of the Holy Spirit; that God desires all people to be saved and to come to the knowledge of the truth; and that the Holy Spirit’s power is demonstrated in and through us for the accomplishment of Christ’s last commandments, “Go into all the world and preach the Good News to everyone” (Mark 16:15 NLT) and ”Go and make disciples of all the nations…” (Matthew 28:19 NLT).

 

 

ความเช่ือของวายแวม

คณะอนุชนนานาชาติ (วายแวม) ยืนยันว่าพระคัมภีร์เป็นคําาตรัสอันทรงอําานาจของพระเจ้า เป็นการดลใจของพระวญิ ญาณ บรสิ ุทธิ์ เป็นจุดอ้างอิงอันแท้จรงิ สําาหรับทุกด้านของชีวติ ส่วนตัวและพันธกิจ การยึดถือพระวจนะของพระเจ้า การยึดถือในสง่ิ ที่พระองค์เป็น และการยึดถือว่าพระองค์คือผู้ให้ความรอด สิง่ ที่กล่าวมาทั้งสิน้ นี้เป็นเร่อื งท่ีมุ่งเน้นอย่างหนักแน่นในวายแวม

การนมัสการ:เราถูกเรยีก ให้สรรเสรญิ และนมัสการพระเจ้า แต่เพียงผู้เดียว

(อพยพ 20:2-3; เฉลยธรรมบัญญัติ 6:4-5; 2 พงษ์กษัตริย์ 17:35-39; 1 พงศาวดาร 16:28-30; เนหะมีย์ 8:2-10; มาระโก 12:29-30; โรม 15:5-13; ยูดา 24-25; วิวรณ์ 5:6-14; วิวรณ์ 19:5-8) 

ความบริสุทธิ์เรารับการทรงเรียก ให้มีชีวิตที่บริสุทธิ์และชอบธรรม เป็นแบบอย่างชี้นำถึงอุปนิสัยและพระลักษณะของพระเจ้า

(เลวีนิติ 19:1-2; สดุดี 51:7-11; เยเรมีย์ 18:1-11; เอสรา 20:10-12; เศคาริยาห์ 13:9; ลูกา 1:68-75; เอเฟซัส 4:21-32; ทิตัส 2:11-14; 1 เปโตร 2:9,21-25; 1 ยอห์น 3:1-3)

การเป็นพยานเรารับการทรงเรียก ให้ประกาศข่าวประเสริฐของพระเยซูคริสต์ กับผู้ที่ไม่รู้จักพระองค์

(สดุดี 78:1-7; อิสยาห์ 40:3-11; มีคาห์ 4:1-2; ฮาบากุก 2:14; ลูกา 24:44-48; กิจการ 2:32-26; กิจการ 10:39-43; 1 โครินธ์ 9:19-23; 2 โครินธ์ 2:12-17; 1 เปโตร 3:15-18) 

การอธิษฐานเรารับการทรงเรียก ให้ร่วมกันอธิษฐานวิงวอน เพื่อผู้อื่นและสิ่งที่อยู่ในพระทัยของพระเจ้า รวมถึงการยืนหยัดต่อสู้กับศัตรูในทุกรูปแบบ

(ปฐมกาล 18:20-33; อพยพ 32:1-16; ผู้วินิจฉัย 3:9,15; 1 พงกษัตริย์ 8:22-61; เอสรา 22:30-31; เอสรา 33:1-11; มัทธิว 6:5-15; มัทธิว 9:36-38; เอเฟซัส 3:14-21; 2 เธสะโลนิกา 3:1-5)

การสามัคคีธรรม เรารับการทรงเรียก ให้อุทิศตนแก่คริสตจักร ทั้งที่เป็นคริสตจักรท้องถิ่น และที่เป็นกลุ่มองค์กรเพื่อการประกาศ

(2 พงศาวดาร 29:20-30; สดุดี 22:25-28; สดุดี 122:1-4; โยเอล 2:15-17; มัทธิว 18:19-20; กิจการ 2:44-47; กิจการ 4:32-35; 1โครินธ์ 14:26-40; เอเฟซัส 2:11-18; ฮีบรู 10:23-25)

การรับใช้เรารับการทรงเรียก ให้มีส่วนในการสนับสนุนวัตถุประสงค์ของอาณาจักรของพระเจ้า ในทุกด้านของชีวิต

(เฉลยธรรมบัญญัติ 15:7-11; เฉลยธรรมบัญญัติ 24:17-22; สดุดี 112:4-9; สุภาษิต 11:10-11; เศคาริยาห์ 7:8-10; มัทธิว 5:14-16; 2 เธสะโลนิกา 3:13; ทิตัส 3:4-8; ฮีบรู 13:15-16; ยากอบ 2:14-26)

 


 

YWAM’s Foundational Values

The Foundational Values of Youth With A Mission are the expression of our basic beliefs, coupled with specific directives given by God since YWAM’s beginning in 1960. They are recorded here in order to pass on to successive generations that which God has emphasized to us. 

These shared beliefs and values are the guiding principles for both the past and future growth of our Mission. Some are common to all Christians everywhere; others are distinctive to Youth With A Mission. The combination of these beliefs and values make up the unique family characteristics of YWAM–our “DNA.” They are values we hold in high regard which determine who we are, how we live and how we make decisions. 

1. รู้จักพระเจ้า

วายแวมอุทิศตนต่อการรู้จักพระเจ้า อุปนิสัย พระลักษณะ และวิถีทางของพระองค์ ดังที่ได้สำแดงผ่านทางพระคัมภีร์ไบเบิ้ล ซึ่งถือเป็นถ้อยคำที่ได้รับการดลใจและมีสิทธิอำนาจจากพระเจ้า เราแสวงหาที่จะสำแดงถึงพระเจ้าในทุกด้านของชีวิตและในพันธกิจของเรา ครั้นรู้จักกับพระเจ้าและอยู่ในการสามัคคีธรรมกับพระองค์แล้ว เราจะปรารถนาที่จะแบ่งปันเกี่ยวกับพระเจ้าสู่ผู้อื่นได้เป็นอัตโนมัติ (2 พงศ์กษัตริย์ 19:19; โยบ 42:5; สดุดี 46:10; สดุดี103:7-13; เยเรมีย์ 9:23-24; โฮเซยา 6:3; ยอห์น 17:3; เอเฟซัส 1:16-17; ฟิลิปปี 3:7-11; 1ยอห์น 2:4-6)


2. ทำให้พระเจ้าเป็นที่รู้จัก

วายแวมรับการทรงเรียกที่จะทำให้ทั่วทั้งโลกได้รู้จักพระเจ้า และให้ถึงสังคมทุกด้านผ่านทางการประกาศ การฝึกอบรมและพันธกิจเมตตา เราเชื่อว่าจิตวิญญาณที่ได้รับความรอดนั้นควรยังผลในการเปลี่ยนแปลงของสังคม เราทำเช่นนั้นได้โดยการเชื่อฟังพระเยซูด้วยการสร้างคนในทุกชาติให้เป็นสาวก (1 พงศาวดาร 16:24-27; สดุดี 68:11; สดุดี 71:15-16; สดุดี 145:4-7; มัทธิว 28:18-20; มาระโก 16:15; กิจการ 1:8; กิจการ 13:1-4a; โรม 10:8-15; โรม 15:18-21)

3. ฟังเสียงของพระเจ้า

วายแวมอุทิศตนต่อการสรรสร้างด้วยกันกับพระเจ้าผ่านทางการฟังเสียงของพระองค์ การอธิษฐานด้วยคำอธิษฐานที่เป็นของพระองค์และการเชื่อฟังคำสั่งของพระองค์ทั้งในเรื่องเล็กและเรื่องใหญ่ เราพึ่งพาในการได้ยินเสียงของพระเจ้าทั้งที่เป็นการส่วนตัว ในรูปแบบทีมงาน และในกลุ่มคณะ ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญในกระบวนการตัดสินใจของเรา (1 ซามูเอล 3:7-10; 2 พงศาวดาร 15:2-4; สดุดี 25:14; อิสยาห์ 6:8; อาโมส 3:7; ลูกา 9:35; ยอห์น 10:1-5; ยอห์น 16:13-15; ฮีบรู 3:7-8,15; วิวรณ์ 2:7,11,17,27; 3:6,13,22)

4. นมัสการและอธิษฐานวิงวอนอย่างเป็นชีวิตจิตใจ

วายแวมอุทิศตนต่อการนมัสการพระเจ้าและการร่วมกันอธิษฐานวิงวอนเสมือนเป็นส่วนสำคัญของชีวิตประจำวัน เรารู้ถึงความตั้งใจของซาตานที่จะทำลายงานของพระเจ้า และเราพึ่งพาการทรงสถิตที่ให้อำนาจแก่เราของพระเจ้าและจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ เพื่อเอาชนะแผนงานของซาตานในชีวิตส่วนบุคคล และการงานของประชาชาติ (1 ซามูเอล 7:5; 2 พงศาวดาร 7:4; สดุดี 84:1-8; สดุดี 95:6-7; สดุดี 100:1-5; มาระโก 11:24-25; กิจการ 1:14; เอเฟซัส 6:13-20; 1 เธสะโลนิกา 5:16-19; 1 ทิตัส 2:1-4)

5. เป็นนักบุกเบิกนิมิต

วายแวมรับการทรงเรียกให้เป็นนักบุกเบิกนิมิต โดยรับเอานิมิต ดูแลรักษาและให้นิมิตใหม่ๆ ที่มาจากพระเจ้าเกิดขึ้นอยู่เสมอ เราส่งเสริมการบุกเบิกพันธกิจใหม่หรือวิธีการใหม่ๆ โดยที่ต้องพร้อมต่อการปรับให้เข้ากับคนทุกรุ่น ทุกชนชาติและทุกด้านของสังคม เราเชื่อว่าการทรงเรียกในแบบอัครทูตของวายแวมจะต้องมีการผสมผสานของผู้นำทางด้านจิตวิญญาณ เสรีภาพทั้งในฝ่ายวิญญาณและความสัมพันธ์ และตั้งอยู่บนถ้อยคำของพระเจ้า (กันดารวิถี 12:6; 1 ซามูเอล 12:16; สุภาษิต 29:18; เอสรา 1:1; ฮาบากุก 2:2-3; มาระโก 1:35-39; ลูกา 9:1-6; กิจการ 16:9-10; กิจการ 26:19; 2 เปโตร 3:9-13)

6. เสริมสร้างและเปิดโอกาสให้แก่อนุชน

วายแวมรับการทรงเรียกให้เสริมสร้างอนุชน เราเชื่อว่าพระเจ้าให้ของประทานและเรียกเหล่าอนุชนให้เป็นหัวหอกของนิมิตและพันธกิจ เราอุทิศตนต่อการให้คุณค่า วางใจ ฝึกอบรม ส่งเสริมสนับสนุนและเปิดโอกาสให้แก่พวกเขา พร้อมทั้งปล่อยให้พวกเขาได้ทำ อนุชนไม่ได้เป็นเพียงแค่คริสตจักรในอนาคตแต่พวกเขาเป็นคริสตจักรของปัจจุบันด้วยเช่นกัน เราตั้งใจที่จะก้าวตามการนำของพวกเขาตามพระประสงค์ของพระเจ้า (1ซามูเอล 17:32-50; ปัญญาจารย์ 4:13-14; ปัญญาจารย์12:1-7; เยเรมีย์ 1:5-10; ดาเนียล 1:17-20; โยเอล 2:28; ยอห์น 6:9; กิจการ 16:1-5; 1 ทิโมธี 4:12-16; 1 ยอห์น 2:12-14)

7. เป็นโครงสร้างที่กว้างและกระจายอำนาจ

วายแวมเป็นองค์กรเคลื่อนไหวที่ให้พระคริสต์เป็นศูนย์กลาง และมีเหล่าอาสาสมัครทั่วโลกที่มีความเชื่อเดียวกันเป็นพื้นฐาน มีความเป็นหนึ่งเดียวกันเนื่องด้วยการมีนิมิต หลักความเชื่อ ค่านิยมพื้นฐานเดียวกันรวมทั้งความสัมพันธ์อันดีด้วย องค์กรของเราไม่มีโครงสร้างที่รวมอำนาจอยู่ที่ศูนย์กลาง พันธกิจทุกๆ พันธกิจของวายแวมมีสิทธิและมีหน้าที่ในด้านฝ่ายจิตวิญญาณที่จะพัฒนาและรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับกลุ่มผู้นำและผู้อาวุโสที่เหมาะสม (อพยพ 18:13-26; กันดารวิถี 1:16-19; กันดารวิถี 11:16-17,24-30; เฉลยธรรมบัญญัติ 29:10-13; โยชูวา 23:1-24:28; กิจการ 14:23; กิจการ 15:1-31; 1โครินธ์ 3:4-11; ทิตัส 1:5-9; ฮีบรู 13:7,17)

8. มีความเป็นนานาชาติและรวมคณะนิกาย

วายแวมมีความเป็นนานาชาติและรวมคณะนิกายทั้งในระดับโลกและระดับท้องถิ่น เราเชื่อว่าความหลากหลายของเชื้อชาติ ภาษาและคณะนิกาย พร้อมๆ กับวัฒนธรรมด้านที่มีการกู้คืนนั้นเป็นปัจจัยบวกที่ทำให้เกิดความเข้มแข็งและการเติบโตในงานรับใช้ (ปฐมกาล 12:1-4; ปฐมกาล 26:2-5; สดุดี 57:9-10; เยเรมีย์ 32:27; ดาเนียล 7:13-14; กิจการ 20:4; 1โครินธ์ 12:12-31; เอเฟซัส 4:1-16; โคโลสี 3:11; วิวรณ์ 7:9)

9. มีมุมมองและทัศนคติตามพระคัมภีร์

วายแวมรับการทรงเรียกให้มีโลกทัศน์ตามพระคัมภีร์ เราเชื่อว่าพระคัมภีร์ เป็นหนังสือสำหรับชีวิตในทุกๆ ด้าน ซึ่งแบ่งแยกความดีกับความชั่ว สิ่งที่ถูกต้องกับสิ่งที่ผิดอย่างชัดเจน ด้านความประพฤติในชีวิตย่อมมีความเป็นฝ่ายวิญญาณเท่าๆ กับการทำพันธกิจ ทุกสิ่งที่ทำเพราะการเชื่อฟังพระเจ้าถือเป็นฝ่ายวิญญาณทั้งสิ้น เราแสวงหาโอกาสที่จะถวายเกียรติแด่พระเจ้าด้วยทุกสิ่งที่เราทำ ด้วยการเตรียมความพร้อมคนทั้งชายและหญิงของพระเจ้าแล้วส่งพวกเขาออกไปเพื่อทำหน้าที่รับใช้และมีอิทธิพลด้านดีในทุกสถาบันของสังคม (เฉลยธรรมบัญญัติ 8:1-3; เฉลยธรรมบัญญัติ 32:45-47; 2 พงศ์กษัตริย์ 22:8; สดุดี 19:7-11; ลูกา 8:21; ยอห์น 8:31-32; ฟิลิปปี 4:8-9; 2 ทิตัส 3:16-17; ฮีบรู 4:12-13; ยากอบ 4:17)

10. ทำงานอย่างเป็นทีม

วายแวมรับการทรงเรียกให้ทำงานกันอย่างเป็นทีมทั้งในพันธกิจและความเป็นผู้นำในทุกๆ ด้าน เราเชื่อว่าการผสมผสานของประทาน การทรงเรียก มุมมอง พันธกิจและคนทำงานของคนหลายรุ่นที่ทำงานร่วมกันโดยมีความเป็นหนึ่งเดียวกันในทุกระดับของพันธกิจจะประกอบกันอย่างสมบูรณ์นั้น ก่อให้เกิดสติปัญญาและความปลอดภัย การแสวงหาน้ำพระทัยของพระเจ้าและการตัดสินใจด้วยกันเป็นทีมเปิดโอกาสให้มีการรับผิดชอบร่วมกัน และมีส่วนทำให้ความสัมพันธ์ แรงจูงใจ ความรับผิดชอบ และความรู้สึกถึงการเป็นเจ้าของนิมิตดีมากยิ่งขึ้น (เฉลยธรรมบัญญัติ 32:30-31; 2 พงศาวดาร 17:7-9; สุภาษิต 15:22; ปัญญาจารย์ 4:9-12; มาระโก 6:7-13; โรม 12:3-10; 2 โครินธ์ 1:24; เอเฟซัส 5:21; ฟิลิปปี 2:1-2; 1 เปโตร 4:8)

11. สำแดงความเป็นผู้นำด้วยท่าทีผู้รับใช้

YWAM is called to servant leadership as a lifestyle, rather than a leadership hierarchy. A servant leader is one who honors the gifts and callings of those under his/her care and guards their rights and privileges. Just as Jesus served His disciples, we stress the importance of those with leadership responsibilities serving those whom they lead. (Deu 10:12-13; Psa 84:10; Isa 42:1-4; Mic 6:8; Mar 10:42-45; Joh 13:3-17; Rom 16:1-2;Gal 5:13-14; Php 2:3-11; 1Pe 4:10-11).

12. รู้จักปฎิบัติก่อน แล้วจึงสอน

วายแวมอุทิศตนในการรู้จักปฏิบัติก่อนแล้วจึงสอน เราเชื่อว่าการได้มีประสบการณ์ก่อนนั้นจะทำให้คำสอนของเรามีสิทธิอำนาจยิ่งขึ้น การมีคุณลักษณะตามแบบพระเจ้าและการทรงเรียกของพระเจ้ามีความสำคัญเหนือยิ่งกว่าของประทาน ความสามารถ และความรู้ความชำนาญของตัวบุคคล (เฉลยธรรมบัญญัติ 4:5-8; เอสรา 7:10; สดุดี 51:12-13; สดุดี 119:17-18; สุภาษิต 1:1-4; มัทธิว 7:28-29; กิจการ 1:1-2; โคโลสี 3:12-17; 2 ทิโมธี 4:1-5; 2 เปโตร 1:5-10)

13. เป็นผู้ที่เน้นด้านความสัมพันธ์

วายแวมอุทิศตนต่อการเป็นผู้ที่เน้นด้านความสัมพันธ์ในการดำเนินชีวิตและการทำงานร่วมกัน เราปรารถนาที่จะเป็นหนึ่งผ่านทางการดำเนินชีวิตที่บริสุทธิ์ การสนับสนุนซึ่งกันและกัน มีความโปร่งใสต่อกัน การถ่อมใจและการสื่อสารอย่างเปิดเผยมากกว่าการเป็นหนึ่งด้วยการยึดติดกับโครงสร้างและกฏเกณฑ์ (เลวีนิติ 19:18; สดุดี 133:1-3; สุภาษิต 17:17; สุภาษิต 27:10; ยอห์น 13:34-35; ยอห์น 15:13-17; ยอห์น 17:20-23; โรม 13:8-10; 1 ยอห์น 1:7; 1 ยอห์น 4:7-12)

14. ให้คุณค่าต่อตัวบุคคล

วายแวมรับการทรงเรียกให้เห็นคุณค่าของแต่ละบุคคล เราเชื่อในโอกาสที่เสมอภาคและความยุติธรรมสำหรับทุกคน เพราะการถูกสร้างขึ้นตามพระฉายาของพระเจ้า คนของชนทุกชาติ อายุและหน้าที่ต่างก็มีลักษณะและการทรงเรียกที่พิเศษ เราทุ่มเทกับการให้เกียรติผู้นำตามการประทานของพระเจ้า และกับของประทานของทั้งหญิงและชาย (ปฐมกาล 1:27; เลวีนิติ 19:13-16; เฉลยธรรมบัญญัติ 16:18-20; สดุดี 139:13-16; มาระโก 8:34-37; กิจการ 10:34-35; กาลาเทีย 3:28; เอเฟซัส 6:5-9; ฮีบรู 2:11-12; ยากอบ 2:1-9)

15. ให้คุณค่าแก่ครอบครัว

วายแวมยืนยันถึงความสำคัญของครอบครัวในการรับใช้พระเจ้าด้วยกันในงานพันธกิจ ไม่ใช่เพียงแค่พ่อและแม่ หรือเพียงคนใดคนหนึ่งเท่านั้น เรายังต้อนรับครอบครัวเลี้ยงเดี่ยวในการทำพันธกิจกับเรา เราส่งเสริมในการพัฒนาครอบครัวให้เข้มแข็งและสมบูรณ์ ด้วยการให้สมาชิกครอบครัวมีส่วนร่วมกับการทรงเรียกในงานรับใช้และการถวายของประทานในทางที่เป็นเอกลักษณ์และสอดคล้องกัน เราส่งเสริมและร่วมยินดีกับทัศนคติตามพระคัมภีร์ที่พระเจ้าทรงมีเจตนาให้ผู้ชายคนหนึ่งสมรสกับผู้หญิงคนเดียว (ปฐมกาล 2:21-24; ปฐมกาล 18:17-19; เฉลยธรรมบัญญัติ 6:6-7; สุภาษิต 5:15-23; สุภาษิต 31:10-31; มาลาคี 2:14-16; มัทธิว 19:3-9; 1โครินธ์ 7:1-16; 1 ทิโมธี 3:2-5; ฮีบรู 13:4)

16. ฝึกฝนการพึ่งพาพระเจ้า

วายแวมเป็นองค์กรอาสาสมัครที่ถูกเรียกให้ฝึกฝนชีวิตตนเองต่อการพึ่งพาพระเจ้าในการจัดเตรียมสำหรับความจำเป็นทางการเงิน ทั้งความจำเป็นที่เป็นของส่วนตัวและของทีมวายแวมหรือในชุมชนวายแวมเอง ล้วนได้รับการสนับสนุนหลักๆ มาจากคนของพระองค์ พระเจ้าได้ให้แก่เราด้วยใจกว้างอย่างไร เราก็ปรารถนาที่จะเป็นผู้ให้ด้วยใจกว้างเช่นนั้น คนวายแวมจึงมอบตนเอง เวลาและความสามารถแด่พระเจ้าผ่านทางการรับใช้โดยที่ไม่คาดหวังจะได้สิ่งตอบแทน (ปฐมกาล 22:12-14; อพยพ 36:2-7; กันดารวิถี 18:25-29; มาลาคี 3:8-12; มัทธิว 6:25-33; ลูกา 19:8-9; 2 โครินธ์ 8:1-9:15; ฟีลิปปี 4:10-20; ทิตัส 3:14; 3 ยอห์น 5-8)

17. ให้การต้อนรับอยู่เสมอ

วายแวมยืนยันว่าพันธกิจแห่งการต้อนรับเป็นเหมือนกับการแสดงถึงพระลักษณะของพระเจ้าและการให้คุณค่าแก่ผู้คน เราเชื่อว่าเป็นสิ่งสำคัญที่จะเปิดหัวใจ เปิดบ้าน หรือเปิดสถานที่ของวายแวมเพื่อรับใช้และให้เกียรติต่อกัน ต่อแขกของเรา ต่อคนยากไร้หรือคนด้อยโอกาส โดยที่ไม่ใช่การกระทำตามมารยาทแต่เป็นการแสดงถึงความใจกว้าง (ปฐมกาล 18:1-8; 2ซามูเอล 9:1-11; สดุดี 68:5-6; สุภาษิต 22:9; อิสยาห์ 58:7; มัทธิว 25:31-46; กิจการ 28:7-8; โรม 12:13; ฮีบรู 13:1-3; 1 เปโตร 4:9)

18. สื่อสารด้วยความซื่อสัตย์

วายแวมเชื่อมั่นว่าทุกสิ่งเกิดขึ้นได้เพราะพระเจ้าเป็นผู้พูด ฉะนั้น วายแวมจึงมุ่งมั่นที่จะสื่อสารด้วยความจริง ถูกต้อง ในเวลาที่สมควร และตรงประเด็น เราเชื่อว่าการสื่อสารที่ดีเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับความสัมพันธ์ที่เข้มแข็ง การมีครอบครัวและชุมชนที่ดี ตลอดจนพันธกิจที่เกิดผลดี (ปฐมกาล 1:3-5; กันดารวิถี 23:19; สุภาษิต 10:19; สุภาษิต 25:9-14; เศคาริยาห์ 8:16-17; มัทธิว 5:33-37; ลูกา 4:16-22; ยอห์น 1:1-5; โคโลสี 4:6; ยากอบ 3:1-18)

 


 

HISTORICAL NOTE: This document includes the YWAM Statement of Purpose and the Core Beliefs and Foundational Values of Youth With A Mission.

The YWAM Statement of Purpose was written in the early 1960s. We purposefully never wrote a “Statement of Faith” because we are “an international movement of Christians from many denominations” and wanted simply to clarify why God had called this movement into being.

YWAM’s Core Beliefs and Foundational Values were birthed through a multi-decade process of hearing God and listening to one another. The process of identifying our values was initiated by Darlene Cunningham in 1985 at the time of YWAM’s 25th anniversary, in order to pass them on to successive generations. The document was then approved six years later by the International Council in 1991.

At that time the International Council (IC) was the recognized global eldership of the mission. Since that time the senior circle of global elders has functioned under several different names. First it was the International Council (IC). It was later called the Global Leadership Team (GLT) and then was known as the Global Leadership Forum (GLF). This body was disbanded in Singapore 2014 in order to put in place a flatter, movement framework at the trans-local level in the place of what was becoming an increasingly hierarchical organizational structure. Now there are many circles of spiritual eldership around the mission – many of them known as Area Circle Teams (ACTs). A senior group of elders has been convened by Loren and Darlene Cunningham and is known as the Founders’ Circle (FC).

Throughout these many decades, a primary role of the body of global spiritual elders (whether the IC, GLT, GLF or FC) has been to confirm, steward and safeguard the foundational documents of the mission. Though the FC does not have the governmental oversight of earlier leadership frameworks, it does carry this role of protecting and clarifying our foundational documents.

A history of YWAM’s Values, since first presented by Darlene in 1985 and approved by the IC in 1991, include updates by the GLT in 2003 and the GLF in 2011, 2014. The FC confirmed an update in 2017 during the UofN Workshop in Costa Rica regarding the inclusion of “Service” as one of our responses to our Core Beliefs; and an update in 2018 during YWAM Together in Thailand, which clarifies Value 15. At that same time this new format was adopted so that our Purpose, Core Beliefs, Foundational Values, and the supporting Scriptural references would be presented as a singular document. The above document, approved by the Founders’ Circle in May 2020, clarifies wording in the Statement of Purpose and Values 4 and 7.

This updated document plus the following six covenantal documents form the foundational documents of Youth With A Mission:

• 1988: The Manila Covenant,

• 1992: The Red Sea Covenant,

• 2002: The Nanning Covenant,

• 2010: The Jubilee Covenant,

• 2014: The Singapore Covenant, and

• 2014: The Covenant to End Bible Poverty.

YWAM’s identity and mission is further clarified by what we know as the “Four Legacy Words” given by God to Loren Cunningham through the years regarding the “alls” and the “everys” of our call. These are the major words of the Lord, which over our history have guided us and shaped our inheritance as a mission. They include

1. The Covenantal Vision of the Waves, which Loren received in June of 1956 in the Bahamas shortly before his 21st birthday.

2. The Call to Disciple Nations through the Seven Spheres of Society (1975),

3. The Christian Magna Carta (1981), and

4. The Commitment to End Bible Poverty Now (1967 & 2014).

All of these are rooted in the early days of the mission’s story, and we continue to grow in our understanding and application of these Four Legacy Words.